แรนซัมแวร์ (Ransomware) คือมัลแวร์ชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อ เข้ารหัสไฟล์ หรือ จำกัดการเข้าถึงระบบ ของเหยื่อ แล้วเรียกค่าไถ่เพื่อคืนสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ บทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจและรุ้จักตัวแรนซัมแวร์ตัวอันตรายให้ลึกซึ้งมากขึ้น

1. Crypto-Ransomware – เข้ารหัสไฟล์ทั้งหมด
รายละเอียด:
- Crypto-Ransomware เป็นแรนซัมแวร์ที่มุ่งเป้าหมายไปที่ ไฟล์ข้อมูลภายในเครื่องของเหยื่อ
- เมื่อแพร่เข้าสู่ระบบ จะทำการ เข้ารหัสไฟล์ทั้งหมด เช่น .docx, .xlsx, .pdf, .jpg ฯลฯ
- การเข้ารหัสจะใช้ อัลกอริธึมขั้นสูง (เช่น AES, RSA) ทำให้ไม่สามารถถอดรหัสได้โดยไม่มี “กุญแจ” ที่แฮกเกอร์ถือไว้
- แฮกเกอร์จะทิ้ง “โน้ตเรียกค่าไถ่” ไว้ในเครื่อง พร้อมคำแนะนำวิธีชำระเงิน (มักเป็น Bitcoin)
ผลกระทบ :
- ไฟล์ถูกใช้งานไม่ได้ทั้งหมด
- องค์กรที่ไม่มี Backup อาจต้องจ่ายเงินหลายล้านบาทเพื่อกู้คืนข้อมูล
เคสผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง :
- WannaCry (2017) อ้างอิงที่มา https://www.england.nhs.uk/long-read/case-study-wannacry-attack/
- โจมตีองค์กรกว่า 150 ประเทศภายในเวลาไม่กี่วัน
- ใช้ช่องโหว่ SMBv1 ใน Windows
- ส่งผลกระทบต่อ NHS (ระบบสาธารณสุขของอังกฤษ), FedEx, Renault และอีกมากมาย
2. Locker-Ransomware – ล็อกระบบไม่ให้ใช้งาน
รายละเอียด:
- แรนซัมแวร์ชนิดนี้จะ ไม่เข้ารหัสไฟล์ แต่จะทำการ ล็อกหน้าจอหรือระบบปฏิบัติการ
- เหยื่อไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เลย (แม้แต่ Ctrl+Alt+Del ก็ไม่ช่วย)
- มักแสดงหน้าจอหลอกว่าเป็นหน่วยงานกฎหมาย เช่น FBI หรือ ป.ป.ง. เพื่อข่มขู่ให้จ่ายเงิน
ผลกระทบ :
- ผู้ใช้ทั่วไป (โดยเฉพาะผู้ไม่มีทักษะไอที) ตื่นตระหนกและยอมจ่ายเงิน
- ไม่สามารถเข้าถึงแม้กระทั่งระบบเพื่อกู้ไฟล์ด้วยตนเอง
เคสผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง :
- Reveton Locker (2012)
- หน้าจอหลอก FBI และ Interpol พร้อมข้อกล่าวหา “ดูเนื้อหาผิดกฎหมาย”
- เรียกค่าไถ่ $100-300 ผ่านบัตรเติมเงิน
3.Double Extortion Ransomware – ข่มขู่สองต่อ
รายละเอียด:
- แรนซัมแวร์ประเภทนี้ ผสมผสาน Crypto-Ransomware กับการขู่เปิดเผยข้อมูล
- หลังเข้ารหัสไฟล์แล้ว แฮกเกอร์จะขโมยข้อมูลออกจากระบบก่อน
- หากเหยื่อไม่จ่ายค่าไถ่: ไฟล์จะไม่ถูกกู้คืน หรือข้อมูลจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหรือขายใน Dark Web
ผลกระทบ :
- ความเสียหายทางธุรกิจและกฎหมาย ทวีคูณ
- ข้อมูลลับลูกค้า, ข้อมูลทางการเงิน, แผนธุรกิจอาจรั่วไหล
- ทำลายชื่อเสียงองค์กรในระยะยาว
เคสผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง :
- Maze Ransomware (2019–2020)
- กลุ่ม Maze เป็นผู้เริ่มใช้วิธี Double Extortion
- โจมตีบริษัทพลังงาน สื่อ และการขนส่งหลายแห่ง
- เปิดเว็บเฉพาะกิจเผยข้อมูลของเหยื่อที่ไม่ยอมจ่าย
4.Ransomware-as-a-Service (RaaS) – แรนซัมแวร์แบบธุรกิจ
รายละเอียด:
- แรนซัมแวร์ชนิดนี้เป็น “บริการพร้อมใช้งาน” สำหรับอาชญากรไซเบอร์ทั่วไป
- ผู้สร้าง RaaS จะพัฒนาแรนซัมแวร์แล้วเปิดให้ “ผู้ใช้” (Affiliates) ไปใช้โจมตีเหยื่อ โดยแบ่งรายได้ตามสัดส่วน
- ทำให้แม้แต่ผู้ไม่มีทักษะเขียนโค้ดก็สามารถ เช่าใช้แรนซัมแวร์ ได้
- RaaS แพร่กระจายผ่าน Dark Web โดยมี Dashboard สำหรับบริหารจัดการ, ตัวเข้ารหัส, การส่งโน้ต และระบบชำระเงิน
ผลกระทบ :
- เพิ่มจำนวนแรนซัมแวร์อย่างรวดเร็วทั่วโลก
- แฮกเกอร์รุ่นใหม่สามารถโจมตีองค์กรขนาดเล็กได้ง่ายขึ้น
- ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแบบ “ทั่วถึง”
เคสผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง :
- REvil (aka Sodinokibi)
- เป็น RaaS ที่โด่งดังในปี 2020–2021
- โจมตีบริษัท Acer, Kaseya และ Apple
- เรียกค่าไถ่สูงถึง $70 ล้าน USD
เราคือที่ปรึกษาด้าน Cybersecurity สำหรับองค์กรของคุณ
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]