ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บบน Cloud Storage เช่น Google Drive, OneDrive, Dropbox หรือบริการอื่นๆ หลายคนเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะ Ransomware ซึ่งเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่น่าสะพรึงกลัว

แต่ความจริงที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ ไฟล์ที่ถูกจัดเก็บบน Cloud Storage ก็สามารถถูกเข้ารหัสโดย Ransomware ได้เช่นกัน และที่น่าตกใจคือ กลไกนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ Ransomware โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud โดยตรง แต่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่คุณใช้งานอยู่เป็นประจำต่างหาก
ทำไม Ransomware ถึงเข้าถึงไฟล์บน Cloud ของคุณได้?
กลไกสำคัญที่ทำให้ Ransomware เข้าถึงไฟล์บน Cloud ของคุณได้คือ “โปรแกรมซิงค์ไฟล์ (File Synchronization Software)” ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณ
- โปรแกรมซิงค์ไฟล์คือตัวเชื่อม บริการ Cloud Storage ส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมหรือ Agent ที่คุณติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมนี้ทำหน้าที่เสมือนสะพานเชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับ Cloud Storage
- การทำงานแบบซิงค์ โปรแกรมซิงค์จะคอยตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของไฟล์ในโฟลเดอร์ที่คุณกำหนดไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ (เช่น โฟลเดอร์ OneDrive, Google Drive, Dropbox) หากคุณสร้าง แก้ไข หรือลบไฟล์ในโฟลเดอร์นี้ โปรแกรมจะทำการอัปโหลดการเปลี่ยนแปลงนั้นขึ้นไปบน Cloud ทันที ในทางกลับกัน หากมีการเปลี่ยนแปลงไฟล์บน Cloud (เช่น แก้ไขจากอุปกรณ์อื่น) โปรแกรมก็จะดาวน์โหลดไฟล์เวอร์ชันใหม่ลงมาที่เครื่องของคุณ เพื่อให้ข้อมูลตรงกันทั้งบนเครื่องและบน Cloud
- Ransomware เข้าโจมตีที่ Endpoint เมื่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณติด Ransomware (ส่วนใหญ่มาจากการหลอกลวงทางอีเมล, ดาวน์โหลดไฟล์อันตราย หรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัย) มัลแวร์ชนิดนี้จะเริ่มทำงานโดยการค้นหาไฟล์ข้อมูลสำคัญบน Drive ต่างๆ ที่เครื่องมองเห็น
- โฟลเดอร์ Cloud Sync คือเป้าหมาย หากโฟลเดอร์ที่คุณตั้งค่าให้ซิงค์กับ Cloud Storage (เช่น โฟลเดอร์ OneDrive ใน My Documents หรือโฟลเดอร์ Google Drive ที่คุณกำหนดไว้) อยู่ในขอบเขตที่ Ransomware ค้นพบและเข้าถึงได้ (ซึ่งมักจะเป็นเช่นนั้น) Ransomware ก็จะทำการ เข้ารหัสไฟล์เหล่านั้นที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
- กลไกซิงค์ทำงานผิดทาง และนี่คือจุดอันตรายที่สุด! เมื่อ Ransomware เข้ารหัสไฟล์ในโฟลเดอร์ Cloud Sync บนเครื่องของคุณ โปรแกรมซิงค์ไฟล์ของ Cloud จะมองว่าไฟล์เหล่านั้น “มีการเปลี่ยนแปลง” (จากไฟล์ปกติ กลายเป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสและไม่สามารถเปิดได้) โปรแกรมซิงค์ก็จะทำหน้าที่ตามปกติ คือ “อัปโหลด” ไฟล์เวอร์ชันที่ถูกเข้ารหัสนี้ขึ้นไป “เขียนทับ” ไฟล์ต้นฉบับบน Cloud Storage ทันที
- ไฟล์บน Cloud ถูกเข้ารหัสตามไปด้วย ในเวลาไม่นาน ไฟล์ที่เคยปลอดภัยอยู่บน Cloud ของคุณก็จะกลายเป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสทั้งหมด ไม่สามารถเปิดใช้งานได้หากไม่มีกุญแจถอดรหัส ซึ่งผู้โจมตีจะยื่นข้อเสนอในการขายกุญแจแลกกับเงินค่าไถ่
ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่บุคคลทั่วไป
กลไกนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไม่เพียงแค่บุคคลทั่วไปที่เก็บรูปภาพหรือเอกสารส่วนตัวบน Cloud แต่ยังรวมถึง
- หน่วยงานภาครัฐ ที่อาจใช้ Cloud Storage ในการทำงานหรือเก็บเอกสารราชการ หากระบบภายในติด Ransomware ไฟล์สำคัญบน Cloud ก็มีความเสี่ยงถูกเข้ารหัส กระทบต่อการให้บริการประชาชน
- ภาคเอกชน ข้อมูลธุรกิจที่เป็นความลับ เอกสารลูกค้า สัญญา หรือข้อมูลการเงินที่เก็บไว้บน Cloud อาจตกเป็นเหยื่อ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ความน่าเชื่อถือ และอาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินมหาศาล
การป้องกันที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญ
การพึ่งพาเพียงความปลอดภัยของ Cloud Platform อาจไม่เพียงพอ การป้องกัน Ransomware ที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นที่ Endpoint (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ต่างๆ) และควบคู่ไปกับการมีมาตรการสำรองข้อมูลที่แข็งแกร่ง ได้แก่
- ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ใช้ Antivirus/Endpoint Detection and Response (EDR) ที่มีประสิทธิภาพและหมั่นอัปเดตฐานข้อมูล
- สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: และที่สำคัญคือ ต้องสำรองข้อมูลแบบ “Offline” หรือ “Immutable” ที่ Ransomware ไม่สามารถเข้าถึงและแก้ไขได้ รวมถึงหมั่นทดสอบการกู้คืนข้อมูล
- ฝึกอบรมบุคลากร ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคาม Phishing, มัลแวร์ และพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย
- ใช้หลักการ Least Privilege จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และข้อมูลให้เท่าที่จำเป็น
- เปิดใช้งาน Cloud Security Features หากบริการ Cloud มีฟีเจอร์การทำ Versioning หรือ Retention Policy ให้ตั้งค่าอย่างเหมาะสม (แม้จะไม่ใช่การป้องกัน Ransomware โดยตรง แต่ช่วยในการกู้คืนได้ในบางกรณี)
การที่ Ransomware สามารถเข้ารหัสไฟล์บน Cloud Storage ได้ ไม่ได้หมายความว่า Cloud ไม่ปลอดภัย แต่เป็นเพราะผู้โจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่เกิดจากอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint) ที่ติดเชื้อ และกลไกการซิงค์ไฟล์ที่ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงนี้มีอยู่จริงและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไ
การลงทุนในระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมตั้งแต่ Endpoint ไปจนถึงการปกป้องข้อมูลบน Cloud และการมีแผนสำรองข้อมูลที่แข็งแกร่ง คือกุญแจสำคัญในการเสริมเกราะป้องกันดิจิทัลให้กับองค์กรและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
หากคุณกำลังมองหาโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่สามารถปกป้องข้อมูลของคุณจากภัยคุกคาม Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของ Endpoint และการป้องกันข้อมูลบน Cloud