เจาะลึกเบื้องหลัง ทำไม Ransomware ถึงเข้ารหัสไฟล์บน Cloud ที่คุณคิดว่าปลอดภัยได้?

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บบน Cloud Storage เช่น Google Drive, OneDrive, Dropbox หรือบริการอื่นๆ หลายคนเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะ Ransomware ซึ่งเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่น่าสะพรึงกลัว

แต่ความจริงที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ ไฟล์ที่ถูกจัดเก็บบน Cloud Storage ก็สามารถถูกเข้ารหัสโดย Ransomware ได้เช่นกัน และที่น่าตกใจคือ กลไกนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ Ransomware โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของ Cloud โดยตรง แต่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่คุณใช้งานอยู่เป็นประจำต่างหาก

ทำไม Ransomware ถึงเข้าถึงไฟล์บน Cloud ของคุณได้?

กลไกสำคัญที่ทำให้ Ransomware เข้าถึงไฟล์บน Cloud ของคุณได้คือ “โปรแกรมซิงค์ไฟล์ (File Synchronization Software)” ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณ

  1. โปรแกรมซิงค์ไฟล์คือตัวเชื่อม บริการ Cloud Storage ส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมหรือ Agent ที่คุณติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมนี้ทำหน้าที่เสมือนสะพานเชื่อมระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณกับ Cloud Storage

  2. การทำงานแบบซิงค์ โปรแกรมซิงค์จะคอยตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของไฟล์ในโฟลเดอร์ที่คุณกำหนดไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ (เช่น โฟลเดอร์ OneDrive, Google Drive, Dropbox) หากคุณสร้าง แก้ไข หรือลบไฟล์ในโฟลเดอร์นี้ โปรแกรมจะทำการอัปโหลดการเปลี่ยนแปลงนั้นขึ้นไปบน Cloud ทันที ในทางกลับกัน หากมีการเปลี่ยนแปลงไฟล์บน Cloud (เช่น แก้ไขจากอุปกรณ์อื่น) โปรแกรมก็จะดาวน์โหลดไฟล์เวอร์ชันใหม่ลงมาที่เครื่องของคุณ เพื่อให้ข้อมูลตรงกันทั้งบนเครื่องและบน Cloud

  3. Ransomware เข้าโจมตีที่ Endpoint เมื่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ของคุณติด Ransomware (ส่วนใหญ่มาจากการหลอกลวงทางอีเมล, ดาวน์โหลดไฟล์อันตราย หรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัย) มัลแวร์ชนิดนี้จะเริ่มทำงานโดยการค้นหาไฟล์ข้อมูลสำคัญบน Drive ต่างๆ ที่เครื่องมองเห็น

  4. โฟลเดอร์ Cloud Sync คือเป้าหมาย หากโฟลเดอร์ที่คุณตั้งค่าให้ซิงค์กับ Cloud Storage (เช่น โฟลเดอร์ OneDrive ใน My Documents หรือโฟลเดอร์ Google Drive ที่คุณกำหนดไว้) อยู่ในขอบเขตที่ Ransomware ค้นพบและเข้าถึงได้ (ซึ่งมักจะเป็นเช่นนั้น) Ransomware ก็จะทำการ เข้ารหัสไฟล์เหล่านั้นที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ

  5. กลไกซิงค์ทำงานผิดทาง และนี่คือจุดอันตรายที่สุด! เมื่อ Ransomware เข้ารหัสไฟล์ในโฟลเดอร์ Cloud Sync บนเครื่องของคุณ โปรแกรมซิงค์ไฟล์ของ Cloud จะมองว่าไฟล์เหล่านั้น “มีการเปลี่ยนแปลง” (จากไฟล์ปกติ กลายเป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสและไม่สามารถเปิดได้) โปรแกรมซิงค์ก็จะทำหน้าที่ตามปกติ คือ “อัปโหลด” ไฟล์เวอร์ชันที่ถูกเข้ารหัสนี้ขึ้นไป “เขียนทับ” ไฟล์ต้นฉบับบน Cloud Storage ทันที

  6. ไฟล์บน Cloud ถูกเข้ารหัสตามไปด้วย ในเวลาไม่นาน ไฟล์ที่เคยปลอดภัยอยู่บน Cloud ของคุณก็จะกลายเป็นไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสทั้งหมด ไม่สามารถเปิดใช้งานได้หากไม่มีกุญแจถอดรหัส ซึ่งผู้โจมตีจะยื่นข้อเสนอในการขายกุญแจแลกกับเงินค่าไถ่


ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่บุคคลทั่วไป

กลไกนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไม่เพียงแค่บุคคลทั่วไปที่เก็บรูปภาพหรือเอกสารส่วนตัวบน Cloud แต่ยังรวมถึง

  • หน่วยงานภาครัฐ ที่อาจใช้ Cloud Storage ในการทำงานหรือเก็บเอกสารราชการ หากระบบภายในติด Ransomware ไฟล์สำคัญบน Cloud ก็มีความเสี่ยงถูกเข้ารหัส กระทบต่อการให้บริการประชาชน

  • ภาคเอกชน ข้อมูลธุรกิจที่เป็นความลับ เอกสารลูกค้า สัญญา หรือข้อมูลการเงินที่เก็บไว้บน Cloud อาจตกเป็นเหยื่อ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ความน่าเชื่อถือ และอาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินมหาศาล


การป้องกันที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญ

การพึ่งพาเพียงความปลอดภัยของ Cloud Platform อาจไม่เพียงพอ การป้องกัน Ransomware ที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นที่ Endpoint (คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ต่างๆ) และควบคู่ไปกับการมีมาตรการสำรองข้อมูลที่แข็งแกร่ง ได้แก่

  • ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมรักษาความปลอดภัย ใช้ Antivirus/Endpoint Detection and Response (EDR) ที่มีประสิทธิภาพและหมั่นอัปเดตฐานข้อมูล

  • สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: และที่สำคัญคือ ต้องสำรองข้อมูลแบบ “Offline” หรือ “Immutable” ที่ Ransomware ไม่สามารถเข้าถึงและแก้ไขได้ รวมถึงหมั่นทดสอบการกู้คืนข้อมูล

  • ฝึกอบรมบุคลากร ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคาม Phishing, มัลแวร์ และพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย

  • ใช้หลักการ Least Privilege จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และข้อมูลให้เท่าที่จำเป็น

  • เปิดใช้งาน Cloud Security Features หากบริการ Cloud มีฟีเจอร์การทำ Versioning หรือ Retention Policy ให้ตั้งค่าอย่างเหมาะสม (แม้จะไม่ใช่การป้องกัน Ransomware โดยตรง แต่ช่วยในการกู้คืนได้ในบางกรณี)


การที่ Ransomware สามารถเข้ารหัสไฟล์บน Cloud Storage ได้ ไม่ได้หมายความว่า Cloud ไม่ปลอดภัย แต่เป็นเพราะผู้โจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่เกิดจากอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint) ที่ติดเชื้อ และกลไกการซิงค์ไฟล์ที่ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงนี้มีอยู่จริงและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไ

การลงทุนในระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมตั้งแต่ Endpoint ไปจนถึงการปกป้องข้อมูลบน Cloud และการมีแผนสำรองข้อมูลที่แข็งแกร่ง คือกุญแจสำคัญในการเสริมเกราะป้องกันดิจิทัลให้กับองค์กรและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

หากคุณกำลังมองหาโซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่สามารถปกป้องข้อมูลของคุณจากภัยคุกคาม Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของ Endpoint และการป้องกันข้อมูลบน Cloud

เราคือที่ปรึกษาด้าน Cybersecurity สำหรับองค์กรของคุณ

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]
Index
Scroll to Top