สถิติการเติบโตของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์คอมพิวติ้ง

เนื่องจากข้อมูลสถิติการใช้บริการ “Server Backup” โดยตรงแบบรายปีตั้งแต่ปี 2000 นั้นเป็นข้อมูลภายในของผู้ให้บริการแต่ละรายและหาได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้ “สถิติการเติบโตของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์คอมพิวติ้ง” ในสิงคโปร์เป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำที่สุดได้ เพราะความนิยมในการใช้บริการ Server Backup มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเติบโตของตลาดนี้

สถิติการเติบโตของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์คอมพิวติ้ง

ภาพรวมความนิยม Server Backup และดาต้าเซ็นเตอร์ในสิงคโปร์ (2000-ปัจจุบัน)
สิงคโปร์ได้วางรากฐานและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center Hub) อันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นหนึ่งในผู้นำของโลก ความนิยมในการเลือกใช้สิงคโปร์เป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์สำรองข้อมูล (Server Backup) ของบริษัททั่วโลก รวมถึงในไทย มีวิวัฒนาการดังนี้


ในช่วงทศวรรษนี้ ยังไม่มีคำว่า “คลาวด์” ที่แพร่หลาย แต่เป็นยุคของการวางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์โดดเด่นขึ้น

ยุคที่ 1: การวางรากฐาน (2000 – 2009)

  • ช่วงต้นทศวรรษ 2000: กระแสการทำ Virtualization (การจำลองระบบเสมือน) และการใช้ Blade Server เริ่มได้รับความนิยม เพื่อลดการใช้พื้นที่และพลังงานในห้องเซิร์ฟเวอร์ นี่คือจุดเริ่มต้นของการบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจของการทำ Backup
  • ปี 2003: รัฐบาลสิงคโปร์จัดตั้ง National Grid Office เพื่อส่งเสริมการใช้ Grid Computing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตั้งต้นที่พัฒนามาสู่คลาวด์คอมพิวติ้งในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
  • ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก: สิงคโปร์สร้างจุดแข็งด้าน การเชื่อมต่อระหว่างประเทศ (International Connectivity) ผ่านเคเบิลใต้น้ำจำนวนมาก, เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ และ กฎหมายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ ทำให้บริษัทต่างชาติเริ่มเข้ามาตั้งเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก

ในช่วงนี้ สถิติตัวเลขที่ชัดเจนยังมีไม่มากนัก แต่เป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นที่บริการ Co-location (การเช่าพื้นที่วางเซิร์ฟเวอร์) เป็นหลัก

ยุคที่ 2: การระเบิดของคลาวด์ (2010 – 2019)

ทศวรรษนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด เมื่อเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งกลายเป็นกระแสหลัก ทำให้บริการ Backup as a Service (BaaS) เติบโตอย่างก้าวกระโดด

  • ปี 2013: สิงคโปร์เปิดตัวมาตรฐาน Multi-Tier Cloud Security (MTCS) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยคลาวด์ฉบับแรกๆ ของโลก สร้างความเชื่อมั่นให้องค์กรต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ในการย้ายข้อมูลขึ้นสู่คลาวด์และใช้บริการ Backup บนคลาวด์
  • ปี 2018: รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศนโยบาย “Cloud First” อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าย้ายระบบของภาครัฐ 70% ขึ้นสู่คลาวด์ภายในปี 2023 (ซึ่งทำได้สำเร็จเกินเป้า) นโยบายนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ภาคเอกชนหันมาใช้คลาวด์อย่างมหาศาล
  • สถิติที่สำคัญ:
    • รายงานจาก Boston Consulting Group (BCG) ระบุว่าตลาด Public Cloud ของสิงคโปร์มีมูลค่าเติบโตจาก 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2018 และคาดว่าจะสูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023
    • ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของโลก (Hyperscalers) ทั้ง Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, และ Google Cloud Platform (GCP) ต่างเข้ามาลงทุนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ในสิงคโปร์ ทำให้บริการ Server Backup มีราคาถูกลง เข้าถึงง่าย และมีฟังก์ชันที่หลากหลายมากขึ้น

ยุคที่ 3: ความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์และยุค AI (2020 – ปัจจุบัน)

สิงคโปร์ได้กลายเป็นตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ที่สมบูรณ์ (Mature Market) และกำลังต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์กลางของ AI ซึ่งยิ่งเพิ่มความต้องการในการจัดเก็บและสำรองข้อมูล

  • ปี 2019 – 2022: รัฐบาลประกาศ ระงับการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ชั่วคราว (Moratorium) เนื่องจากความกังวลด้านการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการใช้บริการสูงมากจนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานแทบรองรับไม่ทัน
  • สถิติในปัจจุบัน:
    • Arizton รายงานว่า ตลาด Data Center Colocation ของสิงคโปร์มีมูลค่า 2.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 และคาดว่าจะเติบโตถึง 2.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029
    • DataCube Research ระบุว่า ตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งของสิงคโปร์มีขนาด 7.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 11.33% ในช่วงปี 2024-2032
    • Mordor Intelligence ประมาณการว่า ขนาดตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของสิงคโปร์จะอยู่ที่ 1,020 เมกะวัตต์ (MW) ในปี 2025 และจะเพิ่มเป็น 1,160 MW ภายในปี 2030

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI, IoT, และ Big Data ซึ่งต้องการพื้นที่จัดเก็บและพลังการประมวลผลมหาศาล ทำให้ความต้องการบริการ Backup ที่เชื่อถือได้ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นไปอีก

ปัจจัยที่ทำให้ Server Backup ที่สิงคโปร์ได้รับความนิยม

  1. ความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือ สิงคโปร์มีภาพลักษณ์ของความเป็นกลางทางการเมืองและเป็นที่ตั้งที่ปลอดภัยสำหรับข้อมูล
  2. โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า
  3. กรอบกฎหมายที่ชัดเจน มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
  4. ระบบนิเวศทางเทคโนโลยี เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและมีบุคลากรที่มีทักษะสูง
  5. การสนับสนุนจากรัฐบาล นโยบายที่ส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

เราคือที่ปรึกษาด้าน Cybersecurity สำหรับองค์กรของคุณ

Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]
Index
Scroll to Top